วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ชีวิตเป็นของเรา...












เราสามารถวาดฝันและลิขิตให้เป็นไปได้...
เช่นเดียวกับวิศวกร....
แต่แตกต่างกันที่วิศวกรออกแบบถนน..
โดยพยายามเลี่ยงอุปสรรค...
ส่วนมนุษย์ออกแบบชีวิต..
โดยการเผชิญกับอุปสรรคที่ขวางกั้น...

ถ้าจะเปรียบกับนักเดินทาง...
การตัดสินใจ...
และการกระทำที่ถูกต้อง...
ก็เหมือนกับการวางแผน..
เลือกเส้นทางที่ถูก..
ทำให้ไม่อ้อมค้อม..หรือพลัดหลงทาง...

คนเป็นจำนวนมาก...ดำเนินชีวิตไปตามยถากรรม...ไปวัน ๆ...
โดยไม่มีการวางแผนชีวิต..
เพื่อเป็นแปลนไปสู่ความสำเร็จ...
และที่แย่ไปกว่านั้น...
ก็คือ...ยอมให้คนอื่นมาบงการชีวิต..
หรือไม่ก็ลอกเลียนแบบเอาอย่างคนอื่น..
เพื่อหลอกลวงว่า...
ตนเอง...มีความสุข...

การประเมินหรือกำหนดคุณค่า...ของตนเอง..
ขึ้นอยู่กับ... “ระดับการนับถือตนเอง”....
และ... “ความเชื่อมั่นในตนเอง”....
ถ้าราปล่อยให้ความเชื่อมั่น...
ความนับถือ...ตนเอง...ของเรา...
แบบขึ้น ๆ ลง ๆ ...
ตามความคิดของคนอื่น...
นั่นเพราะ...
เราไม่สามารถประเมินค่าตนเองได้ถูกต้อง...

ทิศทางของเส้นทางชีวิตของเรา...
ถูกกำหนดโดยคนอื่น...
เราจึงไม่สามารถ..ยืนหยัด..อยู่ได้ด้วยตนเอง...

การรู้จักคุณค่า..
และความสามารถของตนเอง..
จะทำให้เรา...สามารถสร้างหนทาง...
สู่จุดหมายที่เราใฝ่ฝันได้....


ดังนั้น...คุณสมบัติของผู้ที่จะประสบความสำเร็จ..
จะต้องประกอบด้วย..
>>>…ความตั้งใจแน่วแน่
>>>…ความมั่นใจ...ความต้องการที่จะพัฒนาตนเอง...
>>>…และเปิดกว้าง..พร้อมที่จะศึกษาและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ...

และขอให้เราพึงระลึกอยู่เสมอว่า...
เราสามารถทำได้...
ตราบใดที่เรา...ยังมีลมหายใจอยู่...



บทความ..โดย..ชายน้อย..
บันทึกความสำเร็จ...ของท่านชายน้อย...

สร้างทางชีวิต..ลิขิตชะตาตนเอง...



ผู้ที่รักความก้าวหน้า...ที่พร้อมจะสร้างอนาคตของตนเอง...
จะต้องกล้าที่จะ ....“เป็นตัวของตัวเอง”....
ในการกำหนดเป้าหมายชีวิต..ลิขิตชะตาชีวิตตนเอง...
อย่างห้าวหาญ...มั่นคง...และมั่นใจ...


เราควรมีคำพูดไว้เตือนใจตนเอง...เวลาท้อแท้..ว่า
“ความสุข (ความโกรธ, กลัว ฯลฯ)...
ไม่ใช่สถานีให้เราจอดหยุดพัก..พบเจอ..
แต่เป็นสิ่งที่เดินทางวูบผ่านมา...
อย่ารอคอยให้ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น...
แต่เราต้องกำหนดให้เป็นไปด้วยตัวเรา...”


การสร้างทางชีวิตของเรา...
ก็คือ...การเลือกที่จะเรียนรู้...ฝึกฝน...
แต่แตกต่างจากการเรียนรู้...จากตำรา...
หรือ...การเรียนรู้ในชั้นเรียน...
ซึ่งเมื่อเราสอบผ่าน...
เราก็ไม่ต้องย้อนมาซ้ำชั้นอีก...


แต่...บทเรียนชีวิตนั้น...
เราอาจต้องย้อนกลับมาตั้งต้นใหม่...ได้เสมอ..
ถ้าเรา...ไม่สามารถควบคุมการสร้างทางชีวิตของเราได้...
เราอาจสับสนว่า...จะไปทางไหนดี...
บางทีเราก็ปล่อยให้คนอื่นครอบงำ...
เลือกทางเดินให้เรา...

ชีวิตมนุษย์เปรียบได้กับถนน..
ซึ่งมีหลายสาย....
แตกต่างกันไป...
ทั้งทางเรียบ...ขรุขระ...
ตรง...หรือคดเคี้ยว...
สั้นบ้าง...ยาวบ้าง...
ถนนบางสายก็น่าสนใจ...
แต่บางสายก็ไม่น่าสนใจ...


หลายต่อหลายครั้ง...
ที่เราพลัดหลงทาง..เพราะไม่ชำนาญทาง....
แต่นั้นก็ไม่ผิด...ถ้าจะพลัดหลงบ้าง..ซึ่งถือว่า..เป็นประสบการณ์ในการเดิน...
ในชีวิตจริงของเรา...
การพลัดหนทาง...ถือว่าเป็นอุปสรรค...ต่อการเดินทาง..



ดังนั้น..
ถ้าเราเปิดใจที่จะเรียนรู้...
วิธีการที่จะเดินทางไปสู่ความสำเร็จ....
โดยการ....สร้างทางชีวิต...ลิขิตชะตาตนเอง...บ้าง..
ก็นับว่า..เป็นวิธีการเดินไปตามทางลัด...
ไปสู่จุดมุ่งหมาย...(คือ..ความสำเร็จ)..ได้ไม่ยาก


นั่นก็คือ...
>>>…ต้องตั้งเป้าหมาย
>>>…ต้องกำหนดวิถีทางของเรา...วางแผน...
>>>…ต้องกำหนดทิศทางและขั้นตอน...
>>>…ในการสร้างถนนสู่... “ความสำเร็จ”...



บทความโดย..ชายน้อย..
บันทึกความสำเร็จ...ของท่านชายน้อย...

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

ความดี ๔ ระดับ




เมื่อพูดถึงความดี..
ทุกคนก็คงเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า.
.

ความดี..คือ...ความอ่อนน้อมทางกาย...
ความดี..คือ...ความอ่อนหวานทางวาจา...
ความดี..คือ...ความอ่อนโยนทางใจ...
ความดี..คือ...ความงดงามทั้งกาย วาจา และจิตใจ...
ความดี..คือ..คุณธรรมที่น้อมนำให้เราเป็นคนดี..(ความดีคู่กับคุณธรรม)..
ความดี..คือ..สภาพของความรู้สึกแสดงความปลาบปลื้มเป็นสุขให้กับผู้กระทำ..

ถ้าจะถามว่า..
ระหว่างความดีกับความชั่วอะไรจะทำได้ง่ายกว่ากัน ???

หลายต่อหลายเหตุผล...แล้วแต่เราจะตอบ..
แต่มีพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า..
>>>…ความดี.....คนดี.......ทำได้ง่าย
>>>…ความดี.....คนชั่ว.....ทำได้ยาก
>>>…ความชั่ว...คนดี.......ทำได้ยาก
>>>…ความชั่ว...คนชั่ว.....ทำได้ง่าย
ดังนั้นเราก็พอจะวัดคุณภาพความดีของเราได้ว่า...
เราจัดอยู่ในความดีประเภทใด..

เพราะฉะนั้นเครื่องวัดคุณธรรม คือ ความดีของเรา..
สามารถวัดได้จาก....เกรดแห่งคุณธรรม ๔ ระดับ คือ....
>>>…...เกรด D เป็นการทำความดีเพื่อตนเอง..
+ + + ...ไม่สนใจผู้อื่นว่าจะเป็นอย่างไร..
+ + + …คิดเห็นแต่ประโยชน์ตนเป็นหลัก.
.
>>>…...เป็นความดีระดับเบื้องต้น..คือ...(ดี)....ธรรมดา..

>>>…...เกรด C เป็นการทำความดีเพื่อผู้อื่น
+ + + …โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ตนเองเลยสักนิด..
+ + + …แต่สนใจและคำนึงถึงการทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา..
>>>…...เป็นความดีระดับปานกลาง..คือ...(ดีมาก).....

>>>...…เกรด B เป็นการทำความดีเพื่อตนเองและผู้อื่น
+ + + …ประเภทนี้ก็ถือว่า..ยกระดับความดีควบคู่กัน คือ..
+ + + …ทำดีเพื่อตนแล้ว ยังทำเพื่อคนอื่น รวมถึงสังคมด้วย..
>>>…...เป็นความดีระดับสูง..คือ...(ดีที่สุด).....

>>>…...เกรด A เป็นการทำความดีที่ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น..
+ + + …เมื่อมีโอกาสก็ทำทันที ไม่ต้องเดี๋ยว ไม่ต้องรอ
+ + + …ถ้าเป็นเรื่องดี....คิดแล้วทันที...
+ + + ...ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี...ต้องคิดแล้วคิดอีก..คิดเป็นร้อยครั้ง...พันครั้ง..
+ + + …จนลืมไปเลยว่า..เราคิดเรื่องไม่ดี...(ลืมความชั่ว..ทำแต่ดี..มีคุณจริง)...
>>>…...เป็นความดีระดับดีที่สูงกว่าที่สุด...จนหาประมาณมิได้..
>>>…...(ดีแท้แน่นอน..ประเสริฐสุด..สุดยอด)...
>>>......และไม่หยุดทำความดี..ทำดีตลอดเวลา..

เพราะฉะนั้น...
การที่เราวัดใครเป็นคนดี...มีคุณธรรม..
ก็วัดได้จาก ๔ เกรดดังที่กล่าวแล้ว...
เกรด ( ( A ) )…ดีที่สุดกว่าที่สุด...จนหาประมาณมิได้...ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
เกรด ( ( B ) )…ดีที่สุด...ทำเพื่อประโยชน์ของตน ของผู้อื่น และสังคม..
เกรด ( ( C ) )…ดีปานกลาง....ทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเป็นหลัก..
เกรด ( ( D ) )…ดีธรรมดา...เพราะทำเพื่อประโยชน์ตนโดยส่วนเดียว...

ดังบทกลอนที่ว่า...
อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก
ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ
ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ..ฯ

บทความโดย...ชายน้อย..

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

ธรรมะไฮโซ...สู่..ธรรมะ Hi5















พวกเราคงเข้าใจความหมาย ๒ คำนี้เป็นอย่างดีว่า

Hi (ไฮ) interjection (คำอุทาน)
>>>…คำอุทานทักทายหรือเสียงร้องความสนใจ


Hi-Fi (ไฮ’ไฟ) noun (คำนาม)
>>>…เครื่องรับส่งคลื่นวิทยุที่มีประสิทธิภาพสูงและชัด

Solo (โซโล) การแสดงเดี่ยว เพลงบรรเลงเดี่ยว

Hi-so เมื่อนำคำ ๒ คำมารวมกัน...
>>>….หมายถึง การแสดงออกที่เรียกร้องความสนใจ
>>>….ด้วยการแสดงตัวตนอย่างมีประสิทธิภาพภาพสูง
>>>….และเข้าถึงสื่อทันสมัย ล้ำหน้า รวดเร็ว ชัดเจน

ตามความหมายได้พวกเราเข้าใจกัน..
ถ้าจะมองในรูปแบบของธรรมะ...ธรรมะไฮโซ..ธรรมะ Hi5””
ก็ดูกิ๊บเก๋..ดูเท่ห์...ดูดี...

ดูแล้วทันสมัย.. น่าศึกษา...น่าสนใจ...ว่างั้น..
พูดแบบวัยภาษาคนรุ่นใหม่ก็คือ...โดนใจ...วัยจ๊าบ..

จะเห็นได้ว่า...
>>>…ธรรมะน่าสนใจ...ทันยุคทันสมัย...
>>>…ตลอดใช้ทุกสถานการณ์..และใช้ได้ตลอดเวลา...
>>>…โดยเฉพาะเวลาที่เรามีความทุกข์...
+ + + เราจะเห็นธรรมะ...และเข้าใจธรรมะได้ดี...
+ + + ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า....

+ + + ทุกข์กระทบ...ธรรมกระเทือน...

แต่ถ้าเวลาเรามีทุกข์...แล้วกิเลสกระเทือน...ใจหวั่นไหว...
นั่นยังใช้ไม่ได้...จะต้องใช้ธรรมะแก้ไข...

บางคนเมื่อยังไม่ทุกข์..ไม่เจอปัญหา..ก็ไม่ค่อยจะสนใจธรรมะ..
เห็นว่า..ธรรมะ..เป็นธรรมะโลโซ...คือ..มันเก่า...ล้าสมัย...
และคิดว่า...ธรรมะคงช่วยอะไรเราไม่ได้...
จึงต้องไปแสวงหาความสุขภายนอก...
เช่น..ดื่ม..กินเที่ยว..ร้องรำอำเพลง..ต่าง ๆ..
แล้วแต่ว่าสถานการณ์จะพาไป....
แต่เมื่อกลับมา...ก็ยังทุกข์เหมือนเดิม...
บางครั้ง...ก็ยิ่งทำให้ทุกข์มากขึ้นอีก...

เมื่อใดก็ตามที่เวลาเรามีปัญหา...
เกิดความทุกข์กาย ไม่สบายใจ...
>>>…ถ้าเห็นว่า...ธรรมะ...เป็นธรรมะไฮโซ...
>>>…เมื่อนั้นเราก็จะพบความจริงว่า...ธรรมะช่วยแก้ปัญหาเราได้...
>>>…ธรรมะเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิต...

>>>...ต่อการดำเนินชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี..

ถ้ามีคนเรียกเรา...ไฮโซ...หรือ..โลโซ...
ถ้าเราไม่หวั่นไหวต่อทุกข์
>>>…เมื่อเวลาทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน...
>>>…นั่นเรียกว่า...ธรรมะไฮไซ...เกิดขึ้นในจิตใจเราแล้ว...

แต่ถ้าเมื่อใดเราหวั่นไหวต่อทุกข์..
เมื่อเวลาทุกข์กระทบ กิเลสหวั่นไหว.. กิเลสกระเทือน..
>>>…นั่นเรียกว่า..ธรรมะโลโซ...คือใช้ธรรมะน้อยไปนิด...
>>>…ไม่รู้เท่าทันกิเลส...กิเลสมันมีกำลังมากกว่า....

บางครั้งร่ำรวยแสนจะร่ำรวย...
เกิดปัญหาทุกข์กระทบ กิเลสกระเทือนหวั่นไหวตลอดเวลา...

>>>…เพราะได้เรียกตนเอง และเข้าใจตนเองว่า... ไฮโซ...
>>>…แต่ใช้ธรรมะเป็น...ธรรมะโลโซ...

ถ้าเรียกตนเอง และเข้าใจว่าตนเองเป็น... ไฮโซ...
>>>…และใช้ธรรมะเป็น...ธรรมะไฮโซ...
>>>…นั่นแหละจึงจะชื่อว่า...รู้ธรรมะ

>>>...และเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง...

ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า...
ถ้ารู้อย่างเข้าใจที่จะนำ..ธรรมะไฮโซ..มาสู่..ธรรมะ Hi5
ก็ต้องมาอ่านธรรมะดี ธรรมะดัง ธรรมะสดใส

สำหรับวัยจ๊าบ....ต้องธรรมะ Hi5


บทความโดย...ชายน้อย..

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

เราและนาย...






...มิ ว่ ม เ ป็ พื่...


...ที่ ลึ ก ซึ้ ง แ ล ะ ยิ่ ง ใ ห ญ่...


...ร ะ ห ว่ า ง เ ร า แ ล ะ น า ย ...


...ไ ม่ มี วั น เ ลื อ น ห า ย จ า ก ใ จ ข อ ง เ ร า ไ ด้...
บทความโดย..ชายน้อย




กำลังใจที่มองไม่เห็น..(แต่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก)..



















เรื่องราวในชีวิตของคนเรา...
ถ้าจะเปรียบกับหนังสือ...
>>>…ก็คงจะเป็นหนังสือชีวิตเล่มใหญ่...
>>>…บางคนใช้เวลาเขียน 10 ปีบ้าง 20 ปีบ้าง..
>>>…หรือบางคนใช้เวลาเขียนตลอดเวลาและชั่วชีวิต....


เพราะมีหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา..
+ + ดีบ้าง – ไม่ดีบ้าง...
+ + สุขบ้าง – ทุกข์บ้าง...
+ + ดีใจบ้าง – เสียน้ำตาบ้าง...
+ + ประสบความสำเร็จบ้าง – ผิดหวังบ้าง...


ถ้าหากจะเปรียบชีวิตเหมือนละคร..
ก็คงจะเป็นโรงละคร..โรงใหญ่...ที่มากไปด้วยผู้แสดงบทต่าง ๆ
>>>…ในบางครั้ง...
>>>…เราต้องแสดงบทเป็นพระเอก – นางเอก...
>>>…หรือบางเวลา...
>>>…เราต้องแสดงบทเป็นผู้ดีบ้าง – ผู้ร้ายบ้าง...
>>>…ขึ้นอยู่กับว่า...ผู้กำกับจะให้เราแสดงอย่างไร ?

จะเห็นได้ว่า...
^-^ ในบทละครแห่งชีวิตของเรา...
^-^ ก็ได้ถูกจารึก – ขีดเขียน ไปตามบทบาทสมมุติ
^-^ ที่โลกแห่งภาพมายาได้หลอกล่อ..ภาพจินตมายา..ลงในจิตวิญญาณของเรา...

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม...
>>>…โลกแห่งภายมายาก็ได้แสดงบทบาทต่าง ๆ
>>>…ให้เราได้เรียนรู้...และเข้าใจ...
>>>…ว่าโดยสัจธรรมแล้ว...
>>>…สิ่งต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นภาพจินตมายา..ที่เกิดขึ้นในจิตใจเรา...

ถ้าภาพจินตมายามาในรูปแบบของกำลังใจ...
จินตภาพนั้นก็จะปรากฏรูปขึ้นอย่างแจ่มชัดในความรู้สึกของเรา...

ดังนั้น..
+ + + การสร้างกำลังใจให้บังเกิดขึ้นในจิตใจของเรา..
+ + + ก็สามารถทำได้โดยวิธีการง่าย ๆ คือ...
+ + + การหลับตา...แล้วปลูกพลังแห่งความรู้สึกในแง่บวก...
+ + + ปรับทัศนคติในการคิดดี คิดในแง่บวก...
+ + + และบอกความรู้สึกดัง ๆ ให้ปรากฏในความรู้สึก..+ + + ในส่วนลึกของจิตใจ...


ด้วยการบอกกับตนเองว่า...
ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจ....

>>>…คำว่า...แพ้...
>>>…คำว่า...ทำไม่ได้...
>>>…คำว่า...ไม่มี..ไม่เป็น..ไม่ได้...
>>>…ไม่มีอยู่ในหัวใจของฉันเลย...

แล้วกำมือแน่นประทับไว้ที่หัวใจเรา...
พร้อมหลับตา...เบา ๆ ..บอกความรู้สึกเช่นนี้...ให้หัวใจของเราได้รับรู้
และรับทราบตามความเป็นจริง...
โดยที่เราใช้หัวใจพูดด้วยเสียงดัง ๆ ให้ปรากฏจินตภาพภายในจิตใจของเรา...ว่า...

>>>…ฉันต้องทำได้....
>>>…ฉันต้องทำได้แน่นอน...
>>>…ฉันต้องทำได้อย่างดีที่สุดแน่นอน....


ทุกครั้งที่เราบอกกับด้วยตัวเอง...
ด้วยความรู้สึกแห่งพลังใจที่เต็มเปี่ยม...
จินตภาพเหล่านั้น...ก็จะปรากฏในจิตใจของเสมอ...และตลอดเวลา...
ดังที่เราเข้าใจว่า...กำลังใจที่มองไม่เห็น..(แต่รับรู้ด้วยความรู้สึก)...นั่นเอง...

บทความโดย...ชายน้อย..

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

พระพุทธบารมีแห่งพระพุทธองค์





พระพุทธบารมีแห่งพระพุทธองค์
ทำให้พบความสวัสดีทั้งชีวิตนี้และชีวิตหน้า
พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
..ไม่ได้หายไปไหน..
..พระพุทธบารมียังคงปกปักรักษาโลกอยู่..
..คนในโลกยังรับพระพุทธบารมีได้..
..มิได้แตกต่างไปจากเมื่อทรงดำรงพระชนม์อยู่...
..เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องเปิดใจออกรับ..
...มิฉะนั้น..ก็จะรับไม่ได้...

..การเปิดใจรับพระพุทธบารมีไว้คุ้มครองรักษาตน...
..ไม่ยากลำบาก..
..ไม่เหมือนการเข็นก้อนหินใหญ่ที่ปิดปากถ้ำ..
..เพียงน้อมใจนึกถึงพระพุทธเจ้าให้จริงจังอยู่เสมอ..
..ก็จะรับพระพุทธบารมีได้..
..จะมีชีวิตที่สวัสดี..มีสุข..สงบได้..


สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
His Holiness The Supreme Patriarch of Thailand.

เมื่อพบจุดจบ...จึงเห็นจุดเริ่มต้น...











หลายต่อหลายคน...
ที่มักประสบกับปัญหาชีวิตเหล่านี้...

>>>…เคยท้อ
>>>…เคยผิดหวัง
>>>…เคยเศร้า
>>>…เคยร้องไห้...เสียน้ำตา...
>>>…เคยเป็นทุกข์...

>>>...อยากจบชีวิต..ด้วยวิธีการต่าง ๆ..

แต่คุณทราบหรือไม่ว่า...
เมื่อพบจุดจบ...

จะทำให้เราเห็นจุดเริ่มต้นในชีวิตที่ดีกว่า...
ถ้าเราได้พิจารณาอย่างมีสติ...
>>>…หยุดคิดสักนิด...
>>>…เพื่อให้เวลากับสติ....
>>>…ได้พิจารณาความเป็นไปของชีวิต...
>>>…และได้อยู่กับตนเอง...

หลายต่อหลายครั้ง...
>>>…ที่เรามักมองข้าม

>>>...จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชีวิต...
หลายต่อหลายครั้ง...
>>>…ที่เราปล่อยให้วัน เวลา

>>>...และโอกาสผ่านไป...
>>>…โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย...

นอกจาก...
>>>…เป็นทุกข์กับสิ่งที่ผิดหวัง..
>>>…ท้อแท้กับสิ่งที่ทำผิดพลาด...
>>>…และเสียใจ...เป็นทุกข์...

>>>...กับการกระทำของตนเอง...

จุดเริ่มต้นของชีวิต..
เราจะค้นพบก็ต่อเมื่อ...

>>>…เราเจอจุดจบของปัญหา...

เมื่อเจอปัญหา...
เมื่อเจออุปสรรค...
>>>…เชื่อหรือไม่ว่า...
>>>…เรากำลังจะพบทางออกของชีวิต..
>>>…และพบทางออกของปัญหา...

เพียงแค่...
>>>…เราหยุดมองต้นตอของปัญหาสักนิด..
>>>…อย่าที่จะเอาตัวของตัวเราเอง

>>>...ไปอยู่... “ในปัญหา”...
>>>…จงหยุดและแยกตัวออกมาจากปัญหา...
>>>…และทำตัวของเรา..
>>>…เป็นเพียงแต่ผู้ดู...ผู้อยู่...

>>>...และรู้อย่างเข้าใจ...

วิธีง่าย ๆ เมื่อเจอปัญหา คือ..
>>>…จงหยุด..เพื่อเริ่มต้น...
>>>…และเรียนรู้ที่จะใช้สติแก้ปัญหาอย่างเข้าใจ...
ทุกครั้งที่เจอปัญหา...
>>>…อย่าที่จะพยายามกระโดดข้ามปัญหานั้น..
>>>…เพราะปัญหามีไว้ให้แก้...ไม่ใช่มีไว้ให้หนี...

>>>…เพราะยิ่งหนี...ยิ่งเจอ..และยิ่งทุกข์...
>>>…แต่จงเปลี่ยนตัวปัญหา...เป็น....ตัวปัญญา...
>>>…โดยใช้สติ...หยุดคิดสักนิด...ด้วยสติพิจารณา...

ชายน้อย..

~ ~ อยากให้คุณอ่านเรื่องนี้...วันละ ๓ รอบ ~ ~













เรื่องราวที่เราส่งมาให้คุณนี้...ช่างงดงาม..
ขอใช้เวลาแค่ ๓๗ วินาที
เพื่อคุณจะได้อ่านเรื่องนี้
แล้วความคิดของคุณจะเปลี่ยนไปชั่วกาล

ชาย ๒ คน ป่วยหนักทั้งคู่
นอนอยู่ที่โรงพยาบาลในห้องเดียวกัน

ชายคนแรก..
ได้รับอนุญาตให้ลุกนั่งได้

วันละ ๑ ชั่วโมงในช่วงบ่าย
เพื่อช่วยระบายของเหลวในปอด
เตียงของเขาอยู่ริมหน้าต่าง...
ซึ่งมีเพียงบานเดียวในห้องนั้น..


ชายอีกคนหนึ่ง...

หมอให้นอนราบตลอดเวลาอยู่บนเตียง...

ชายทั้งสองคนที่ร่วมห้องกัน
ก็ได้คุยกันถึงเรื่องของชีวิตของตน
พวกเขาเล่าให้กันฟังถึงเรื่องภรรยา...

เรื่องครอบครัว..เรื่องบ้าน..
เรื่องการงาน...เรื่องสมัยถูกเกณฑ์ทหาร...
เรื่องที่ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ในวันพักร้อน...

ทุกวันในช่วงบ่าย...
ชายที่นอนเตียงริมหน้าต่าง...
จะบรรยายให้เพื่อนร่วมห้องฟังว่า...
มีอะไรเกิดขึ้นภายนอกบ้าง...
ชายคนที่ต้องนอนราบอยู่....
ก็รู้สึกดีขึ้น...
จากเวลาแค่ ๑ ชั่วโมง..

ที่เพื่อนที่นอนริมหน้าต่างบรรยายให้ฟัง..
ว่า...มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง...
>>>…มันทำให้เขารู้สึกเหมือนว่า

>>>...เขาได้ดำเนินชีวิตตามปกติ...
>>>…โลกของเขาดูกว้างขวางขึ้น..

>>>...และมีชีวิตชีวาขึ้น....
>>>…จากกิจกรรมหลากสีสันของชีวิต..

>>>...ที่ดำเนินไปในโลกภายนอก....

ชายที่ได้รับโอกาสให้ลุกนั่ง...
บรรยายให้ชายที่ต้องนอนราบตลอดเวลา...

เห็นภาพว่า...
>>>...หน้าต่างที่มองออกไป...

>>>...เห็นทะเลสาบที่สวยงาม...
>>>...ฝูงเป็ด..และ...

>>>...หงส์ลอยล่องอยู่บนน้ำ...
ในขณะที่เด็ก ๆ แล่นเรือใบจำลอง...
คู่รักวัยเยาว์เดินจูงมือกัน...

มีดอกไม้สีสัน..สวยงาม..เบ่งบานอยู่รอบ ๆ...
และเห็นตึกรามทันสมัยของตัวเมืองอยู่ไกล....

ในขณะที่ชายนอนริมหน้าต่าง...

บรรยายให้เพื่อนฟัง...
ถึงรายละเอียดต่าง ๆ ด้านนอก....
ชายที่นอนราบอยู่ก็หลับตาลง....

จินตนาการให้เห็นภาพตามไป....

ยามบ่ายของวันที่อบอุ่นวันหนึ่ง...
ชายที่นอนอยู่ริมหน้าต่างได้เล่าว่า....
ชายอีกคนไม่ได้ยินเสียงของวงดนตรีนั้นเลย...
เสมือนเขาสามารถได้รับฟัง...

และแลเห็นได้จากคำบรรยาย...
ที่พรรณนาได้อย่างละเอียดลออ...

ของเพื่อนที่อยู่ริมหน้าต่าง...

วันเวลา...เป็นสัปดาห์...

เป็นเดือน....ผ่านไปเช่นนั้น...

เช้าวันหนึ่ง....
เมื่อจะเข้าไปดูแลคนไข้...
พยาบาลเวรเช้า...ได้พบร่างที่สงบนิ่งไร้ชีวิต...

ของชายที่นอนริมหน้าต่าง...
เขาได้จากไปอย่างสงบนิ่งขณะนอนหลับ...
เธอเศร้าใจมาก....

และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายฌาปนกิจมารับศพของเขาไป...

เมื่อการจัดการศพผ่านไปเรียบร้อย....
ชายที่เป็นเพื่อร่วมห้องได้เอ่ยปาก...ขอย้ายเตียง...
ไปนอนที่ริมหน้าต่างแทนเพื่อนผู้จากไปของเขา...

ชายผู้ซึ่งต้องนอนราบกับเตียงเป็นเวลานาน...

ได้พยายามยันร่างกายของเขาขึ้นด้วยศอก...

แม้มันจะเจ็บปวดและยากลำบาก...
ด้วยความกระหายที่จะมองเห็นโลกภายนอก....

ด้วยตาของเอง....

และ...เมื่อเขายันกายขึ้นมองผ่านหน้าต่างไปได้...
เขากลับเห็นเพียงแค่....
>>>“....ผนังตึกว่าง ๆ....”<<<< ด้วยความข้องใจ...
เขาได้ถามพยาบาลผู้ดูแลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้อง...
ผู้เพิ่งจากไป...
ผู้ซึ่งได้พรรณนาถึงความงามของโลกภายนอก...

ที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นให้เขาฟัง...

นางพยาบาลเล่าว่า....
>>>…“ชายผู้เพิ่งจากไปนั้น...ที่แท้..เป็นคนตาบอด...
>>>…ไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นว่า...

>>>...มีผนังว่างเปล่านอกหน้าต่างบานนี้...”

ที่เขาเล่าให้คุณฟังถึงโลกภายนอกที่สวยงามนอกหน้าต่าง....
>>>…อาจเพราะ....แค่อยากให้กำลังใจคุณ...”

เรื่องนี้บอกเราว่า...

>>>…ยังมีเรื่องราวอีกมากมายในโลก...
>>>…ที่เราสามารถทำให้คนอื่นมีความสุข...
>>>…ไม่ว่า...

“....เราจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม...”

การแบ่งปันเรื่องทุกข์ใจให้คนอื่นรับรู้..
อย่างมากก็ลดความทุกข์ของเราไปครึ่งหนึ่ง....
แต่ถ้าแบ่งปันความสุข...
ที่เรามีให้คนอื่น...

>>>…เราก็สุข...เขาก็สุข...
>>>…ความสุขก็จะเป็น ๒ เท่า...

ถ้าอยากรู้สึกว่า...รวย...
จงอย่านับแต่เงินและทรัพย์สินที่มี...
แต่จงนับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข...

ที่เงินไม่สามารถซื้อหาได้...เข้าไปรวมด้วย...

ชายน้อย...
อยากให้คนทั้งโลกได้อ่านเรื่องนี้...

ที่มา... E-mail >Lebanon4ever>

to >…พี่อุไร นกน้อย...

งานเปิดตัว..Dhamma Hi5









งานเปิดตัวธรรมะครั้งยิ่งใหญ่...

นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์โลก..

กับ..Dhamma Hi5


ชีวิตนี้สำคัญนัก...จงเลือกให้ดีเถิด...
ชีวิตนี้น้อยนัก..
พึงใช้ชีวิตนี้อย่างผู้มีปัญญา..
ให้เป็นทางไปสู่ชีวิตข้างหน้าที่ยืนนาน..
ให้เป็นสุคติที่ไม่มีกาลเวลาหาขอบเขตมิได้...
โดยยึดหลักสำคัญ คือ..
ความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา..
ต่อสถาบันชาติ..ศาสนา..พระมหากษัตริย์..
ให้มั่นคงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกเถิด...

ชีวิตนี้น้อยนัก..
แต่...ชีวิตนี้สำคัญนัก..
เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ...เป็นทางแยก..
จะไปสูงไปต่ำ...จะไปดี..ไปร้าย..
เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น..
พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี..
แล้วจงเลือกเถิด..เลือกให้ดีเถิด....

พระพุทธเจ้าทรงมีพระคุณใหญ่ยิ่งอย่างที่สุด..
>>>..ทรงมีพระคุณต่อโลก..
>>>..ต่อศาสนิกชนของโลก..
พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์...
>>>..ที่ทำให้พุทธศาสนิกชนเป็นคนดีมีธรรมะนั้น..
>>>..มิได้เป็นคุณเฉพาะพุทธศาสนิกชนเท่านั้น...
>>>..แต่เป็นคุณไปทั่วถึง...คนดีคนเดียว...
>>>..ให้ความร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างกว้างไกล...

เช่นเดียวกับคนไม่ดีเพียงคนเดียว..
ให้ความทุกข์ความร้อนได้มากมาย...

พระพุทธศาสนาสร้างพุทธศาสนิกชนที่ดี
ก็เท่ากับพระพุทธศาสนาได้สร้างความร่มเย็นเป็นสุข
>>>..ให้แก่โลกด้วยเหมือนกัน...
>>>..พึงมีกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า..
>>>..คิดดี..พูดดี...ทำดี..
ให้เป็นไปดังที่ทรงแสดงสอนไว้...
>>>..จะหนีกรรมเท่าได้ทัน..
>>>..และจะสร้างชีวิตในชาติใหม่ในภายหน้า..

>>>..ให้วิจิตรงดงามเพียงใดก็ได้...

จากบทความธรรมะข้างต้น...
ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างแรงกล้า...

>>>..ที่ตอบแทนคุณของพระพุทธศาสนา...
>>>..ต่อแทนคุณของพระพุทธเจ้า..
ข้าพเจ้าจึงตั้งปณิธานเพื่อสืบสานธรรมะ
>>>..ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...
>>>..ศาสดาเอกของโลก..


โดยให้ชื่อว่า...Dhamma Hi5


ในสโลแกนที่ว่า...
>>>..ธรรมะดี..ธรรมะดัง...ธรรมะสดใส
>>>..ธรรมะสำหรับวัยจ๊าบ..ต้องธรรมะ Hi5”

โดยการรวมของกลุ่มนักเรียน...
>>>..มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ห้อง ๑, ๒, ๓
>>>..ปีการศึกษา ๒๕๕๑
>>>..โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์

>>>..เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
ได้ก่อให้เกิดการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่...

>>>..เป็นแรงบันดาลใจ

>>>..ในการทำเว็บไซด์ Dhamma Hi5 ขึ้น...

จากแนวคิดที่ว่า...
>>>..วัยรุ่น วัยใส ไม่ห่างไกลธรรมะ
>>>..ธรรมะดี...ธรรมะดัง...ธรรมะสดใส
>>>..ธรรมะสำหรับวัยจ๊าบ..ต้องธรรมะ Hi5

ก็จึงขอเชิญกลุ่มเยาวชน...รวมพลัง..
>>>..คนน่ารัก..วัยรุ่น...วัยสดใส..
>>>..ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก..
>>>..และทีมงานของเราได้....

ผู้ก่อตั้ง...
>>>..ชายน้อย...

ก่อตั้งเมื่อ :::
>>>..วันศุกร์ ที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑
>>>..เข้าสู่กึ่งพุทธกาลพอดี...

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

ธรรมะดี..ธรรมะดัง..ต้องธรรมะ Hi 5


ธรรมะยุคใหม่...
สำหรับพี่น้องวัยรุ่น...

พวกเราจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลง
ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
อย่าลืม...
แวะเข้ามาชม...
แล้วชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไป
ในทางที่ดี...

อ่านธรรมะวันละนิด...
แล้วชีวิตจะสดใส...
อ่านธรรมะแล้วชื่นใจ...
พบความสดใสในธรรมะ Hi 5

โดยทีมงาน...

ชายน้อย..
พระหนุ่มไฟแรง...กระทิงแดงเรียกพี่..
ห้ามฉันเกินวันละ 2 มื้อ..